แบตเตอรี่รถยนต์ นั้นเป็นอุปกรณ์ที่จ่ายกระแสไฟให้แก่เครื่องยนต์และระบบไฟในตัวรถทุกอย่าง หากรถของเรามีปัญหาขัดข้องเช่นสตาร์ทไม่ติด ระบบไฟฟ้าขัดข้องอาจจะเป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่รถของคุณอาจจะกำลังมีปัญหา ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณต้องเสียเงินเปลี่ยนลูกใหม่ๆ ทั้งๆ ที่บางคนเพิ่งเปลี่ยนใหม่ได้ไม่นาน ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองข้ามในการดูแลและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ ให้อยู่คู่รถยนต์ของเราให้นานที่สุด ซึ่งการดูแลนั้นก็ไม่มีขั้นตอนอะไรยุ่งยากเกินกว่าที่เราจะทำได้เราลองมาดูกันว่าวิธีที่ว่านั้น มีอะไรกันบ้าง
ขับรถทางไกลแบตเตอรี่เสื่อมช้ากว่า
หลายคนอาจจะคิดว่า การขับรถเพียงระยะทางสั้นๆ ช่วยประหยัดและยืดอายุแบตเตอรี่ได้ นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะแบตเตอรี่รถยนต์นั้นถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานหนัก หากไม่ได้ใช้งานบ่อยจะมีการคายประจุอยู่เรื่อย ๆ และการขับรถในระยะทางสั้นเป็นประจำ ก็จะทำให้ แบตเตอรี่รถยนต์ เสื่อมเร็วมากกว่าเดิม เนื่องจากโดยปกติแล้ว แบตเตอรี่จะชาร์จตัวมันเองในระหว่างการเดินทาง ได้อย่างเต็มที่เมื่อรถวิ่งเป็นเวลา 8 ชั่วโมง แต่ถ้าหากไม่ได้ขับรถเป็นระยะทางไกลขนาดนั้น ก็ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่จะช่วยดูแลยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้
เย็นหรือร้อนเกินไปก็ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้เร็วขึ้น
เพราะอากาศที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไปจะทำให้จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมง่ายมาก ในช่วงอากาศหนาวนั้น รถยนต์ของเราจะสตาร์ทติดยากเพราะ เมื่ออากาศเย็นเกินไป จะคลายประจุได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ทำให้เสี่ยงที่จะหมดทั้งที่ยังไมได้ขับไปไหนเลย
ในขณะเดียวกัน อากาศที่ร้อนเกินไปก็มีผลกระทบต่อแบตเตอรี่รถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแบตเตอรี่รถยนต์ แบบเปียกที่มีของเหลวอยู่ภายใน ก็จะเกิดการระเหยได้จากความร้อนที่สูงเกินไป ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการชาร์จแบตเตอรี่ที่ทำได้ยากขึ้น และแบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นอีกด้วย
ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ ทุก 6 สัปดาห์
ควรชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ ทุกๆ 6 สัปดาห์ ต่อ การชาร์จ 1 ครั้ง และควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ให้ เพราะการชาร์จหากมีแรงดันไฟฟ้าที่มากเกินไป หรือชาร์จนานเกินไป ก็จะส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น
หมั่นตรวจเช็คและทำความสะอาดแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ
ควรทำความสะอาดและตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่รถยนต์อย่างสม่ำเสมอ เพราะหากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ จะพบว่า มีคราบเกลือหรือคราบสนิทเกาะอยู่บริเวณขั้วแบตเตอรี่ ซึ่งเราสามารถใช้แปรงโลหะขัดเบา ๆ ให้คราบเกลือออกไป แต่ถ้าหากเป็นคราบสนิม ให้รีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เพื่อความปลอดภัยของเรา
จุดสังเกตว่าแบตเตอรี่รถยนต์เริ่มเสื่อมสภาพ
- เครื่องยนต์จะเริ่มสตาร์ทติดยากขึ้น ได้ยินเสียงเครื่องยนต์หมุนช้ากว่าปกติ
- ไฟหน้าหรือแสงสว่างภายในรถ เริ่มให้ความสว่างน้อยลง
- กระจกไฟฟ้าจะทำงานช้าลง และระบบไฟฟ้าอื่น ๆ เริ่มทำงานผิดปกติ
วิธีดูแลแบตเตอรี่รถยนต์เบื้องต้น
- ทำความสะอาดสายไฟและแบตเตอรี่ด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น และเช็ดให้แห้งอยู่เสมอ
- ตรวจเช็คทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ และทาด้วยวาสลิน เพื่อป้องกับคราบเกลือ
- ตรวจเช็คน้ำกลั่นสม่ำเสมออย่าปล่อยให้น้ำแห้ง และห้ามเติมน้ำกลั่นให้เกินกว่าขีดสูงสุดหรือต่ำกว่าขีดต่ำสุด
- ตรวจวัดระดับกระแสไฟแบตเตอรี่รถยนต์อย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจเช็คไดร์ชาร์จ เมื่อระบบไฟอ่อน
- ตรวจสอบความมั่นคงของการติดตั้ง
- ห้ามเติมน้ำกรด และน้ำกลั่นที่มีสีหรือสารเคมีโดยเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเราจะดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์แล้ว ก็อย่าชะล่าใจเด็ดขาด ควรนำรถยนต์ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสภาพอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ เพื่อเป็นการถนอมรถของเราให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ไปนานๆ